เรื่องเข้าใจผิดกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศ!!!
ถ้าไม่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เรื่องพวกนี้ถ้าแค่ไปเที่ยวมักจะไม่เป็นที่สะดุดใจ และคนไทยก็ยังมีอะไรเข้าใจผิดกับมนุษย์โลกต่างชาติอยู่อีกมาก ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง?
1. กฎจราจรและการขับขี่ = ต่างประเทศเค้าขับรถกันด้วยความระมัดระวังและทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดมากๆ เนื่องด้วยเค้ามีกล้องวงจรปิด (ที่มีกล้องจริงๆ ไม่ใช้กล่องขู่อย่างบ้านเรา) ไว้บันทึกพฤติกรรมการขับขี่ของทุกคน ใครขับเกินกำหนดได้เจอใบสั่งที่มีทั้งรูปรถเราและหน้าเราส่งไปให้ถึงบ้านแน่ๆ และถ้าไม่ไปจ่ายเงิน ก็มีสิทธิ์เจอริบใบขับขี่ ขับรถไม่ได้ไปอีกนาน
เพราะฉะนั้นใครที่ไปเที่ยวต่างประเทศแล้วอยากเช่ารถขับเอง อย่าเข้าใจผิดว่าขับที่ไหนก็เหมือนๆ กัน และกรุณาอย่าขับแบบไทยๆ แซงซ้ายแซงขวา ขับเร็วเกินกำหนด หาไม่ได้จ่ายค่าปรับอย่างเบิกบานหมดตัวได้
2. ความสะอาด = อย่าไปคิดว่าฝรั่งจะสะอาดกว่าคนไทย ถ้าใครเคยอาศัยอยู่ในบ้านพักนักเรียนจะเข้าใจได้เลยว่าฝรั่งส่วนมากไม่มีมาตรฐานความสะอาดเท่าคนไทยหรอก (ไม่ต้องพูดถึงชนชาติแขกอย่างอินเดียหรืออาหรับเลย อันนี้สุดๆ ของสุดๆ ของความไม่สะอาด)
เอาง่ายๆ คือเรื่องอาบน้ำ เนื่องจากคนในประเทศหนาวส่วนมากเค้าจะไม่นิยมอาบน้ำบ่อยๆ กัน ฝรั่งบางคนอาบอาทิตย์ละครั้ง (กลิ่นแรงมากขอบอก) หรือบางคนดีหน่อยก็ 2-3 วันต่อครั้ง พอเราบอกว่าคนไทยอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง ฝรั่งตกใจนะคะ (บางคนก็ประณามกลับมาอีกว่า ยูใช้น้ำเปลืองรู้มั๊ย? อาบทำไมตั้งสองรอบ)
ต่อด้วยเสื้อผ้า บางคนใส่ซ้ำใส่ซ้อน ใส่จนเราจำได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นของใครโดยไม่ต้องมองหน้า เพราะว่าเค้าไม่เคยซักเลยใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ จนเริ่มรู้สึกตัวว่ามีกลิ่นถึงซัก ส่วนมากเค้าบอกว่าก็เหงื่อไม่ออกไม่รู้ว่าจะซักทำไม?
การทำความสะอาดห้องน้ำหลังใช้ อันนี้เซ็งมากถึงมากที่สุดเพราะเคยอยู่หอพักนักเรียนที่ต้องใช้ห้องน้ำรวมกัน ผู้หญิงฝรั่งสกปรกอย่างเหลือเชื่อ (แต่สุดยอดของความเลวร้ายขอยกให้สาวจีน ถ้าใครเคยไปจีนหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับห้องน้ำประเทศนี้มา ฟังมาแย่ยังไงให้คูณสิบเข้าไปจะได้ความแย่อย่างนั้น) ไม่ต้องพูดถึงห้องส้วมเอาแค่ห้องอาบน้ำเนี่ยก็สุดจะบรรยายแล้ว สระผมแล้วเศษผมยังติดอยู่ที่ฝาท่อไม่เก็บออกไปด้วยอีกต่างหาก แถมมองไปที่พื้นนี่เศษฝุ่นเศษผงอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ไม่เข้าใจว่านางเหล่านี้ขัดเศษเนื้อตัวเองออกตอนอาบน้ำหรืออย่างไร ทำไมทำห้องน้ำสกปรกได้ขนาดนั้น?
3. วิธีล้างจาน = ข้อนี้ขอแยกจากข้างบน มันเป็นเรื่องที่สุดจะทนเวลาเห็นต่างชาติล้างจาน บ้านเราล้างจานด้วยน้ำยาล้างจานแล้วล้างน้ำเปล่าหลายๆ ครั้งจนมั่นใจว่าหมดฟองสารเคมี แต่ฝรั่ง (และชาติอื่นๆ) เค้าไม่ได้ทำแบบนั้น ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง (ใครเคยเจอต่างจากนี้โพสต์บอกทีอยากรู้มาก)
– บางคนเอาน้ำยาล้างจานเทใส่ชามใหญ่ๆ ใส่น้ำแล้วจุ่มจานที่จะล้างลงไป จากนั้นวางผึ่งให้แห้ง (อันนี้อยากกี๊ดมากเพราะว่าเค้าไม่ได้ล้างน้ำตาม คราบน้ำยาล้างจานยังอยู่บนจานอยู่เลย) เคยเถียงกลับไปแต่เค้าเถียงกลับมาว่าเดี๋ยวฟองน้ำยาล้างจานก็ไหลลงไปเองไม่ต้องล้างน้ำหรอก
– บางคนยิ่งไปกว่านั้นคือ เทน้ำยาล้างจานแล้วเทน้ำตาม กะว่าให้น้ำยาล้างจานมันกระจายตัวไปตามซอกหลืบของจานและกัดเซาะเอาสิ่งสกปรกและคราบไขมันออกไปเองโดยไม่ต้องใช้ฟองน้ำ
– บางคนมีความเชื่อประหลาดๆ ว่าต้องล้างด้วยน้ำร้อนเท่านั้น ว่าแล้วเค้าก็เอาจานจุ่มน้ำร้อน ถือเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีล้าง จานชามสะอาดได้ถ้าใช้น้ำร้อนลวก (แล้วน้ำยาล้างจานล่ะ????ไม่ต้องใช้หรือ?)
อ่านแล้วจงเข้าใจให้ถูกซะว่า คนไทยเป็นชนชาติที่รักความสะอาดมากกว่าชาติไหนๆ อย่าไปคิดว่าฝรั่งเค้าจะมีมาตรฐานความสะอาดเท่าคนไทย
4. ฝรั่งยังชีพด้วยการทำกับข้าวเอง = ไม่ว่าจะซื้อพวกของแช่แข็งมาอุ่นไมโครเวฟหรือทำกับข้าวเองอย่างจริงจัง ฝรั่งก็เป็นสัตว์โลกที่ไม่ดำรงชีพด้วยร้านอาหารทุกมื้อวันละหลายๆ มื้อแบบคนไทย ทั้งนี้เนื่องจากราคาอาหารในร้านอาหารมันแพงแสบกระเพาะ ส่วนมากเค้าจึงไม่สามารถเข้าร้านอาหารแล้วกินได้ทุกวัน ดังนั้นเวลาไปต่างประเทศก็ไม่ต้องตกใจไปกับราคามหาโหดกับอาหารแค่ 1 จาน (ซึ่งถ้าเอาเงินนี่มากินที่ไทยก็ได้อาหารโต๊ะใหญ่เลยทีเดียว) ถ้าจะมาเรียนมาอยู่ต่างประเทศนานๆ กรุณาฝึกเข้าครัวมาซักนิดชีวิตจะอัพเกรดขึ้นเยอะ
5. ขยะ = ถึงแม้ว่าฝรั่งเค้าจะมีมาตรฐานความสะอาดส่วนตัวต่ำ แต่ว่ามาตรฐานความสะอาดของส่วนรวมนี่มีสูงมากถึงมากที่สุด สังเกตง่ายๆ จากขยะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนในเมืองที่ค่อนข้างเจริญแล้ว มักจะไม่มีขยะเกลื่อนกลาดให้เห็นขัดสายตาขัดทรรศนียภาพความสวยงามของตัวเมืองเด็ดขาด นั่นก็เพราะว่าเค้ามีกฎหมายควบคุมชัดเจนใครทิ้งขยะไม่ถูกที่เจอปรับ เวลาไปประเทศไหนก็อย่าไปทิ้งขยะมั่วซั่วเข้าล่ะ
นอกจากนี้บางประเทศที่ไฮโซขั้นกว่า มีระบบรีไซเคิลที่สร้างความปวดร้าวในกะโหลกกับคนไทยอย่างมาก บางแห่งต้องซื้อถุงพลาสติกใส่ขยะแยกสีตามประเภทและต้องทิ้งให้ถูกประเภท แล้วไม่ใช่ว่าจะทิ้งขยะได้ทุกวันเค้าจะมารับขยะตามวันและส่วนมากก็แค่อาทิตย์ละครั้ง ถ้าสัปดาห์ไหนลืมเอาขยะมาทิ้งก็จะได้มีขยะเป็นเพื่อนร่วมห้องไปอีกสัปดาห์นึง ไม่เหมือนกับที่ไทยจะขยะแห้ง ขยะเปียก พลาสติก กระดาษ อาหาร ก็เทลงที่เดียวกัน
6. การฟ้องร้อง = ฝรั่งฟ้องทุกอย่างที่ทำให้ผลประโยชน์เค้าเสียหาย ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐหรือฝ่ายเอกชนถ้าทำคนธรรมดาเดือดร้อนเป็นอันโดนฟ้องร้องเรียกเงินกันหมด ไม่ใช่แบบคนไทยที่ก้มหน้ายอมรับกันไป เจ้าหน้าที่ทำงานชุ่ยอย่างมากเราก็แค่ด่า (อาจจะแค่ในใจด้วยซ้ำ) แต่กับฝรั่งเนี่ยถ้าเค้าไม่พอใจขึ้นมาก็ขึ้นโรงขึ้นศาลได้เงินกันไปง่ายๆ เลยทีเดียว ดังนั้นอย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครในต่างประเทศ ลองดูตัวอย่างที่ได้เงินแบบมึนๆ ได้
– เคยสังเกตมั๊ยทำไมฝาแก้วกาแฟร้อนต้องมีคำเตือนว่า “ระวังกาแฟร้อน” เหตุเกิดเนื่องจากมีสาวนางนึงสั่งกาแฟแล้วเผลอทำมันหกใส่ขาตัวเอง แล้วกาแฟร้อนมากทำให้ขาเธอโดนลวก นางจึงฟ้องบริษัทนั้นเข้าให้ว่าทำไมไม่เตือนว่ากาแฟมันร้อน!! (ถ้ามาฟ้องที่ไทยคนคงหัวเราะเยาะในความเซ่อซ่าของเธอ) แต่สุดท้ายเธอก็ชนะคดีได้เงินค่าเสียหายไปก้อนโต แล้วบริษัทนั้นเลยต้องประกาศเตือนตรงฝาแก้ว ประมาณว่าเราบอกแล้วนะว่ามันร้อน !! คาดว่าบริษัทอื่นๆ ไม่อยากซวยเลยใส่คำเตือนตามๆ กันมา
– อันนี้ตลกมาก คือคำเตือนตรงเตารีด เคยอ่านเจอแล้วก็สงสัยมาก เค้าเตือนว่า “ใช้รีดเสื้อผ้าบนที่รีดผ้าเท่านั้น” เราก็งงว่ามันใช้รีดที่อื่นได้ด้วยหรือ พอลองถามเพื่อนเค้าก็บอกว่า มันเคยมีคนเอาเตารีดรีดเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ ผลก็คือโดนเตารีดร้อนๆ นาบแขนไหม้เข้าให้ เจ้าตัว (งี่เง่า) ก็เลยวิ่งโร่งขึ้นศาลฟ้องร้องซะเลยว่าทำไมไม่มีคำเตือนว่าไม่ให้รีดบนตัวคน เอิ่ม อันนี้มันน่าจะอยู่ในสามัญสำนึกรึเปล่าว่ารีดบนเนื้อคนไม่ได้ (โว๊ย)
– เคยเห็นที่สถานนีรถไฟ
เกี่ยวกับคำเตือนระวังลื่น ตอนแรกคิดว่าเค้าแค่ต้องการเตือนให้คนระวัง แต่เพื่อนบอกว่าเค้ามีเอาไว้ป้องกันการโดนฟ้องร้อง เพราะเวลาคนลื่นล้มเค้าฟ้องสถานีได้ว่าไม่มีคำเตือน แต่มันก็ตลกอ่ะคนลื่นแค่สองคนถึงกับประกาศเตือนเลย (คาดว่าที่ไทยลื่นกันเยอะแยะแต่คงไม่มีป้ายเตือนให้เห็นหรอก)
7. ผู้ชาย = อันนี้ขอเตือนเหล่าเพื่อนสาวทั้งหลายเวลาไปอยู่ต่างประเทศ การผูกมิตรกับเพื่อนต่างเพศมันใช้มาตรฐานแบบไทยๆ ไปตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเค้าไม่ได้นะคะ ไปลองดูเหตุการณ์ (ไม่) สมมุติกัน
– ชวนเพื่อนต่างเพศไปกินข้าวเย็นกันสองคนหรือเรียกกันว่า “ดินเนอร์” มันมีนัยยะคือ เค้าจะคิดว่าคุณชวนเค้าไปเดท (ทั้งๆที่จริงๆแล้วสาวไทยกับอาหารมันเป็นของคู่กัน แค่ชวนไปกินข้าวไม่ได้แปลว่าฉันสนใจคุณ แต่ฝรั่งเค้าเหมารวมเรียบร้อยว่าคุณสนใจเค้าเลยชวนเค้าไปดินเนอร์) ก่อนจะชวนใครต้องแจ้งจุดยืดนะคะ
– ทำกับข้าวแล้วชวนเพื่อนชายมากินด้วยหรือทำกับข้าวด้วยกัน อันนี้ขั้นกว่ามากๆ ในหัวฝรั่งคิดไปแล้วว่า คุณชอบเค้าสุดๆ ถึงอยากทำกับข้าวให้ และแน่นอนว่าการทำกับข้าวให้มันเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับสาวไทยที่อยากยัดเยียดอาหารไทย (ที่ตัวเองทำ) ให้เพื่อนฝรั่งกินเฉยๆ
– เบอร์โทรศัพท์ (หรือสมัยนี้ขอเฟซบุค) ผู้ชายขอเบอร์เนี่ยแปลว่าเค้าสนใจคุณนะคะ ถ้าคุณให้แปลว่าคุณก็มองๆ เค้าอยู่ ดังนั้นจะแจกเบอร์ใครถ้าไม่ใช่งานกลุ่มต้องตามจิกและโดนจิกเนี่ย ต้องระวังกับความหมายที่แฝงมาด้วย
– ไปเที่ยว ถ้าคุณไปเที่ยวกับใครสองคนบ่อยๆ ระวังตัวไว้ว่าเค้าอาจจะเริ่มชอบคุณโดยที่คุณยังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ และก็ไม่ต้องตกใจไปถ้าเค้าเริ่มจะอยากมีเซ็กส์กับคุณ เพราะตามธรรมดาฝรั่งเวลาเค้าเดทกันจะเริ่มด้วยดินเนอร์ พาไปบ้าน (อาจจะมีคืนแรกเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก) จากนั้นโทรหา พาไปเที่ยว (ซึ่งก็สามารถมีอะไรกันได้ตั้งแต่วันแรกๆ และมันก็เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเค้า (แต่ไม่ธรรมดาสำหรับคนไทย)) ยังไงก็ระวังตัวเอาไว้แล้วกันนะสาวๆ เพราะถ้าพลาดไปแล้ว เค้าไม่มีการมารับผิดชอบด้วยประการทั้งปวง
– คำว่ารัก ฝรั่งส่วนมากเค้าไม่พูดว่า ผมรักคุณ ง่ายๆ เพราะนั่นเค้าถือเป็นคำผูกมัดเค้าไว้กับคุณ ซึ่งถ้าเค้าไม่จริงจังอะไรจะไม่มีวันพูดคำนี้เด็ดขาด ไม่ใช่แบบชายไทยที่ทุกอย่างต้องเริ่มจากคำนี้และขอเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ ฝรั่งบางคู่แค่ไปไหนๆ ด้วยกันพอรู้ตัวก็เป็นแฟนกันไปโดยไม่ต้องบอกรักกันหรือขอเป็นแฟนเลยก็มาก
ที่อยากจะบอกคือวัฒนธรรมระหว่างไทยกับต่างชาติในเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงมันแตกต่างกันอย่างมาก อย่าเอามาตรฐานไทยไปตัดสินมาตรฐานฝรั่ง เพราะมันเหมือนคนละเรื่องกันและสวนทางกันตลอด อย่างนึงที่ทำได้คือยอมรับโดยไม่ต้องไปพยายามเข้าใจ เพราะพื้นฐานวัฒนธรรมประเพณีเรากับเค้ามันไปคนละทาง การพยายามให้เค้าคิดเหมือนเรามันคงเป็นไปไม่ได้
8. ผู้หญิงไทย = อันนี้ต่อเนื่องจากข้อข้างบน แม้ว่าหญิงไทยจะเป็นกุลสตรี รักนวลสงวนตัว อย่างไรในไทย แต่มุมมองต่างชาติที่เค้ามองมายังเรามันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ เนื่องจากสาวไทยบางประเภทที่เคยทำชื่อเสียเอาไว้ (ไม่ได้พิมพ์ผิดต้องการพิมพ์ว่า “ชื่อเสีย” จริงๆ) มันทำให้ฝรั่งเค้ามองสาวไทยไม่ดีมากๆ ขอยกตัวอย่างที่เคยเจอมากับตัวให้เป็นกรณีศึกษาสำหรับนักเรียนไทยที่จะไปเรียนต่างประเทศให้เป็นข้อคิดกันไป และจะได้ไม่ตกใจเวลาเค้าพูดถึงประเทศไทยในทางนั้น
– ส่วนมากพอบอกว่าเป็นคนไทย ฝรั่งผู้ชายส่วนใหญ่จะคิดในหัวเลยว่า “ง่าย” จากนั้นมือไม้ใบหน้า ก็จะโดนจับต้องอย่างง่ายดาย (แน่นอนว่าการจับไม้จับมือฝรั่งไม่ถือ แต่คนไทยถือมาก) อันนี้ก็ต้องชี้แจงยกใหญ่ว่าจะไม่ถูกเนื้อถูกตัวง่ายๆ ไม่ได้นะ โดยเฉพาะผู้ชายอิตาลีเนี่ย มือไวใจเร็วมากๆ ต้องระวังให้ดี
– อันนี้เจ็บปวดมาก เวลาคุยกับเพื่อนฝรั่งแล้วถามว่าพอคิดถึงประเทศไทยคิดถึงอะไร? ได้คำตอบว่า “พัทยากับผู้หญิง” ไม่ก็ “พัฒน์พงศ์”, “สีลม”, “ซอยคาวบอย” (ไอ้ที่แย่กว่าคือคนนึงตอบมาเลยว่า “โสเภณี”) ก็อึ้งกันไป ก็ต้องชี้แจงต่อว่า ไอ้ส่วนนั้นเราก็ยอมรับมามันมีแต่ว่ามันก็ส่วนน้อย แล้วประเทศอื่นๆ ก็มีเหมือนกัน (ทำไมมันไม่ดังเท่าที่ไทยล่ะเนี่ยยยยยย) ดังนั้นผู้หญิงไทยไม่ได้รับการยกย่องซักเท่าไหร่ในต่างประเทศหรอกนะคะ อย่าสำคัญตัวผิด แล้วก็ต้องพูดคุยกับเพื่อนให้เข้าใจด้วยว่านั่นมันเป็นแค่ส่วนน้อย
– อีกอย่างที่เราโดนกันมาก (โดยที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้ามองเราแบบนี้) คือพิธีแต่งงานไทยค่ะ ที่ฝรั่งยกให้เป็นพิธียอดแย่คือ “สินสอดทองหมั้น” เคยมีฝรั่งหลายคนเอ่ยตรงกันว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องเอาเงินไปซื้อผู้หญิงมาแต่งงาน” ฟังแล้วปวดหูค่ะ เนื่องจากประเทศตะวันตกเค้าถือว่าการแต่งงานคือเรื่องของคนสองคน ไม่ควรเอาเงินทองมาเกี่ยว ส่วนมากเค้าก็รับเรื่องการเอาเงินไปเป็นสินสอดไม่ได้ไปตามๆ กัน ที่แย่คือผู้หญิงไทยที่พบรักกับหนุ่มต่างชาติแล้วจะแต่งงานกัน ฝ่ายชายเจอพ่อแม่ฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเข้าไปก็เกิดความไม่เข้าใจ ทำให้ทะเลาะบาดหมางกันไปเยอะ โพสต์ลงอินเตอร์เน็ตถึงความเลวร้ายของพ่อแม่ฝ่ายหญิงว่าขายลูกกินก็เยอะ (จริงๆ มันก็น่าจะถึงเวลาที่เราต้องทบทวนอะไรที่เราเคยทำๆ เอาไว้บ้างว่ามันถึงเวลาที่จะยกเลิกอะไรที่สร้างความเข้าใจผิดให้ต่างประเทศแล้วหรือยัง?)
9. วันหยุด = อันนี้ขอเตือนคนจะไปเที่ยวแล้วดันไปเที่ยวตรงกับวันหยุดของฝรั่ง อันนี้พลาดมากๆ เพราะว่าวันหยุดฝรั่งเค้าไม่ทำงานกันจริงๆ ยิ่งพวกเทศกาลอีสเตอร์ หรือคริสมาสต์เนี่ย เงียบเป็นป่าช้าเลย ไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวไหนๆ ก็จะพากันปิดตัวตามการนัดหมายกับรัฐบาล (ไม่หมือนของไทยที่แม้ว่าจะเป็นวันหยุดยาวแต่ก็ยังมีที่ให้ไปลุยอีกเยอะ แถมพ่อค้าแม่ค้าไทยต่างคิดกันว่าเป็นเวลากอบโกยเพราะคนหยุดงานไปเที่ยว ได้รายได้อีก)
นอกจากนี้วันอาทิตย์เป็นวันที่ไม่ควรไปเที่ยวเมืองเล็กๆ เพราะเค้าจะปิดร้านกันทั้งเมือง ยังไงวางแผนเดินทางดีๆ ว่าถ้าไปดูหมู่บ้านเล็กๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่โด่งดังอย่าไปวันอาทิตย์เด็ดขาด เค้าไม่ได้เหมือนกับที่ไทยที่เปิดทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ เปิดกันตั้งแต่แปดโมงยันสามทุ่มสี่ทุ่ม ที่ต่างประเทศเค้าไม่ทำงานหนักหน่วงอย่างเรา อย่างมากก็เปิดเก้าโมงปิดห้าโมงเย็น เผลอๆ บางประเทศมีพักตอนบ่ายด้วย
10. ฝรั่งไม่ได้พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน = อันนี้พบเจอเวลาเรียนและเวลาคุยกับเพื่อนๆ พบว่าแม้แต่คนอังกฤษเองก็ไม่ได้พูดอังกฤษถูกไวยากรณ์ทุกคน (ยิ่งวัยรุ่นเด็กๆ เนี่ย ไวยากรณ์แย่มากขนาดกระเหรี่ยงยังจับได้) ทั้งนี้เพราะขึ้นกับระดับการศึกษาและระดับชั้นในสังคมด้วย ก็เพิ่งรู้เช่นกันว่าคนอังกฤษเค้าแบ่งระดับกันตามสำเนียง แค่ฟังสำเนียงเค้าก็บอกกันเองได้ว่าเรียนสูงหรือต่ำ มาจากส่วนไหนของประเทศ แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจหากจะเจอคนผิวแทน คนผิวเหลือง ที่พูดอังกฤษด้วยสำเนียงอังกฤษแบบผู้ดีได้ไม่มีที่ติ กับคนอังกฤษที่พูดอังฤษผิดไวยากรณ์ และฝรั่งที่เหลือในยุโรปบางประเทศที่พูดอังกฤษแย่กว่าเรา เพราะงั้นเวลาไปเที่ยวอย่าไปคิดว่าฝรั่งหัวทองๆ ต้องพูดอังกฤษได้เสมอไป
ติดต่อเรา
Study Square Co.,Ltd. 5 Therd Rachan 1 Lane, Therd Rachan Rd, Srikan, Donmuang, Bangkok, 10210 Thailand
Tell : 089-1261024, 02-9291231 (พี่กฤต)
Email :studysquares@hotmail.com
Face Book : https://www.facebook.com/Studysquare.co.th/,
https://www.facebook.com/sqstudyabroad/
Twitter :https://twitter.com/aittit
Line ID : krittapas_st
Facebook Comments